วันนี้ (15 ส.ค.) นายกร สุขเกษม นักวิจัยอิสระสมาคมนักวิจัยในความอุปถัมภ์ของสภาวิจัยแห่งชาติ ได้จัดงานแถลงข่าวเตือนภัยให้กับประชาชนผู้บริโภคสินค้าประเภทเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ประทินผิว ว่า ปัจจุบันประชาชนมีค่านิยมการใช้เครื่องสำอางจากต่างประเทศ ซึ่งมักนำดารานักแสดงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชวนเชื่อให้กับตัวสินค้า โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่อาจมีตามมา อีกทั้งตามคลินิกเสริมความงามต่างๆ ยังมุ่งแสวงหาวิธีทำตลาดสร้างยอดขายที่เอาแต่ดึงดูดลูกค้าเพียงอย่างเดียว ในฐานะที่ตนเป็นนักวิจัยที่คร่ำหวอดด้านการค้นคว้าเรื่องการใช้ธรรมชาติบำบัดมานานกว่า 26 ปี เริ่มจากการทำวิจัยเกี่ยวกับผลผลิตของข้าว ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยการนำวัสดุจากพืชพรรณธรรมชาติมาเป็นสารอาหารให้แก่ต้นข้าวปรากฏว่า ผลผลิตที่ได้แตกรวงเจริญเติบโตมีลำต้นสูงรากยาวและมีคุณภาพขึ้น แตกต่างจากการใช้สารเคมี ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ในทางกลับกันโดยเฉพาะจะทำให้รากสั้นลง ซึ่งสำหรับมนุษย์เองก็เช่นกัน หากใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีและกลิ่นหอมเป็นส่วนผสมยาวนานต่อเนื่องก็จะเกิดผลข้างเคียงไม่แตกต่างกันกับพืช

นายกร กล่าวอีกว่า เมื่อครั้งยังเด็กบ้านตนมีอาชีพทำไร่อ้อย จนแม่ต้องป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผื่นแดงขึ้น ทั้งตัวรักษาอย่างไรก็ไม่หายเหตุ เพราะร่างกายได้รับสารเคมีที่ติดมากับปุ๋ย และยาฆ่าแมลงเข้าไปจำนวนมาก พอมีโอกาสได้ร่ำเรียนทางด้านนี้จึงใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่เป็นแรงบันดาลใจด้วยการออกท่องไปตามป่า เพื่อค้นคว้าสารสกัดจากธรรมชาติที่ปราศจากสารเคมีนำมาใช้ประโยชน์ จนบังเอิญได้ไปเห็นดอกไม้ป่าหลายชนิดร่วงหล่นในลำธาร และสังเกตเห็นว่า น้ำในบริเวณนั้นจะใสสะอาดกว่าจุดอื่น เมื่อวิเคราะห์ตามหลักวิชาการแล้วทำให้ทราบว่า นั่นเกิดจากสารอาหารและชนิดของยีสต์ที่มีมากผสมผสานกันจนเกิดพลังงานสูงสุดให้แก่สิ่งมีชีวิต คือ จุลินทรีย์ และผิวพรรณของมนุษย์ก็น่าจะสามารถทำปฏิกิริยากับสารอาหารในรูปอามิโนโปรตีนซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดเล็กได้เช่นกัน

“จากการทดลองอย่างละเอียดถี่ถ้วนเรื่องการใช้สารอาหารกับผิวพรรณมนุษย์นั้น พบว่า สารที่ได้จากธรรมชาติเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลข้างเคียงแล้วยังสามารถประทินผิวได้ไม่ด้อยไปกว่าสารเคมี โดยเฉพาะอามิโนโปรตีนที่สกัดจากเกษรผึ้งด้วยการใช้หลักการเดียวกับเครื่องจักรกลที่มีพลังงาน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทให้ซึมซับเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ตนจึงมุ่งมั่นใช้สารอินทรีย์จากธรรมชาติที่ได้จากเกษรผึ้งมาทดลองเสริมสร้างเซลที่ตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จนเป็นผลสำเร็จและเป็นที่ยอมรับจากนักวิชาการทั่วโลก สอดคล้องกับสถาบันค้นคว้าวิจัยและผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พบว่า เกสรผึ้งไม่มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายหรือโลหะหนักจึงปลอดภัยสูงสุดที่จะนำมาใช้กับชีวิตมนุษย์ หากผู้บริโภคท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ www.beecells.com” นายกร กล่าว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save